ทำไมขมิ้นชันละลายน้ำ ถึงรักษาโรคได้
เกร็ดความรู้งานวิจัยขมิ้นชันละลายน้ำ 10,000 เท่า ทำไมถึงแตกต่างจากทั่วไป
ขมิ้นชัน (Curcuma longa L) เป็นสมุนไพร และเป็นพืชที่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี มีประโยชน์ทางยาอย่างกว้างขวางและแพร่หลายไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ขมิ้นประกอบด้วยเคอร์คูมินอยด์ ที่เป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอลที่มีสีเหลือง โดยมีเคอร์คูมินเป็นองค์ประกอบหลัก เป็นสารออกฤทธิ์ทางชีววิทยา พบประมาณร้อยละ 5 โดยน้ำหนักของผงขมิ้น เคอร์คิวมินอยด์เป็นสารประกอบที่มีคุณค่าสูง มีฤทธิ์ที่ดีและมีความปลอดภัยสูง
มีงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์จำนวนมากแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเคอร์คูมินอยด์ ในการรักษาโรคต่างๆ มากกว่า 3,000 ชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า เคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชัน มีฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่น ฤทธิ์ในการต้านออกซิเดชัน ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ต้านการอักเสบ ต้านการเพิ่มจำนวนของเซลล์ ยับยั้งการตายของเซลล์ และต้านภาวะหลอดเลือดแดงหนาและมีความยืดหยุ่นน้อยลง
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำ เคอร์คูมินอยด์ไปใช้ประโยชน์ทางยา ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับการเสื่อมของระบบประสาท โรคข้ออักเสบ โรคภูมิแพ้ โรคลำไส้อักเสบ อาการเป็นพิษต่อไต โรคเอดส์ โรคสะเก็ดเงิน โรคเบาหวาน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และภาวะเกิดพังผืดในปอด (Zhou และคณะ, Curr. Drug Targets. 12, 2011) ผลการศึกษาทั้งในหลอดทดลอง ในสัตว์ทดลอง และทางคลินิกในคน ได้แสดงให้เห็นถึง คุณสมบัติของเคอร์คูมินอยด์ที่ดีเยี่ยมในการรักษาโรคมะเร็ง(Anand และคณะ, Cancer Lett. 267, 2008)
ถึงแม้เคอร์คูมินอยด์จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดในการนำมาใช้ในอาหาร อาหารเสริมสุขภาพ และยา เนื่องจากมีความคงสภาพและค่าการละลายในน้ำต่ำ Yallapu MM et al., 2012 รายงานว่า เคอร์คูมินอยด์ ละลายน้ำได้เพียง 0.0004 mg/ml ที่ pH 7.3 และมีความคงตัวค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะในสารละลายที่เป็นเบสหรือ ด่างก็สามารถทำให้เกิดการสลายตัวภายในเวลาแค่ 15 วินาที จากสาเหตุดังกล่าวนี้จึง ทำให้เคอร์คูมินอยด์มีชีวประสิทธิผล (Bioactivity) ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเมื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปวัตถุดิบที่มาทำเป็นผงบรรจุแคปซูล หรือสารสกัดจึงได้ผลน้อยมาก
นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากจึงได้ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เคอร์คูมินอยด์ให้อยู่ในรูปแบบต่างกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เช่น นาโนคริสตัล และ โซลิดดิสเพอร์ชันในรูปแบบอสัณฐาน (Onoue และคณะ, J.Pharm.Sci. 99, 2010) โซลิดดิสเพอร์ชัน (Seo และคณะ, Int. J. Pharm. 424, 2012, Martins และคณะ, Food Res. Int. 50, 2013) การเกิดสารประกอบเชิงซ้อนกับ ฟอสฟาติดิลโคลีน (Gupta และ Dixit, J. Pharm. Sci. 100, 2011), อนุภาคขนาดนาโน (Zhang และคณะ, J. Pharm. Sci. 100, 2011), นาโนอิมัลชัน (Zhongfa และคณะ, Cancer Chemother.Pharmacol. 69, 2012) เซลฟ์อิมัลชัน (Cui และคณะ, Int. J. Pharm. 371, 2009, Wu และคณะ, Drug Dev. Ind. Pharm. 37, 2011) และไมโครอิมัลชัน (Lin และคณะ, Food Chem 116, 2009) และจากงานวิจัยที่ผ่านมาสามารถกล่าวได้ว่าการประยุกต์เคอร์คูมินอยด์ยังไม่สมบูรณ์ และยังคงมีการศึกษาค้นคว้า เพื่อพัฒนาสูตรตำรับของเคอร์คูมินอยด์อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นที่คาดหวังว่าจะค้นพบสูตรตำรับของเคอร์คูมินอยด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงในอนาคต
บริษัทดีท๊อกซ์(ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการวิจัย เพื่อหาสูตรตำรับของเคอร์คูมินอยด์ ที่สามารถละลายน้ำได้ และมีความคงตัวที่สูงขึ้น ในการวิจัยนี้สามารถพัฒนาให้สารเคอร์คูมินอยด์ ละลายน้ำได้ถึง 4 mg/ml. ซึ่งมากกว่าเดิมถึง 10,000 เท่า จึงทำให้สูตรตำรับดังกล่าวสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาอาการผิดปกติของกระเพาะอาหารโดยเฉพาะโรคกรดไหลย้อน และ โรคกระเพาะอักเสบ โดยการรับประทานเพียงครั้งเดียว ซึ่งสูตรตำรับนี้สามารถนำมาใช้สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบเม็ด แคปซูล แกรนูล แกรนูลละเอียด ผง เครื่องดื่ม โยเกิร์ต รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารประเภทอื่นๆ หรือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมีความสำคัญ และเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เคอร์คูมินอยด์เป็นสารประกอบที่ออกฤทธิ์
ในสูตรตำรับใหม่ของเคอร์คูมินอยด์ประกอบไปด้วยเคอร์คูมินอยด์ทั้งที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ เคอร์คูมินอยด์ที่ละลายน้ำจะมีลักษณะเป็นไมเซลล์ซึ่งถูกเตรียมขึ้นโดยการใช้สารลดแรงตึงผิว มีขนาดอนุภาคอยู่ในช่วงไมโครเมตรหรือนาโนเมตร และเคอร์คูมินอยด์ที่ไม่ละลายน้ำก็คือเคอร์คูมินอยด์ที่ผ่านการใช้สารลดแรงตึงผิว เพื่อปกป้องไมเซลล์ไม่ให้ถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์ไลเพสจากตับอ่อน และเพื่อให้เคอร์คิวมินอยด์มีชีวประสิทธิผลที่ดี (ดูดซึมได้ดีขึ้นในระบบทางเดินอาหาร) จึงอาจมีการผสมสารยับยั้งเอนไซม์ไลเพสจากตับอ่อนเข้าไปในสูตรตำรับด้วย ดังนั้น สูตรตำรับนี้จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการผิดปกติของกระเพาะอาหารและมีประโยชน์ต่อร่างกายส่วนต่างๆทั้งหมดโดยการรับประทานผลิตภัณฑ์เพียงครั้งเดียว จึงสรุปได้ว่างานวิจัยชิ้นนี้ใช้สารลดแรงตึงผิวในปริมาณน้อย แต่สามารถเพิ่มชีวประสิทธิผลของเคอร์คิวมินอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ